Page 5 - ครอบครัวคริสตชนในโลกปัจจุบัน
P. 5
ยังคงมีค่าอยู่เสมอ เช่น ข้อความที่ว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างคู่สมรส พระเจ้าทรงเปี่ยมไปด้วยความ
รักสำหรับประชากรของพระองค์ พระคริสตเจ้าทรงสละพระชนม์ชีพเพื่อพระศาสนจักรเจ้าสาวของ
ึ่
ั
ั
พระองค์ ความเป็นอนหนงอนเดียวและสภาพที่ยกเลิกไม่ได้ของศีลสมรส การปฏิเสธการ
ิ
้
คุมกำเนดแบบวิทยาศาสตร์และการทำแท้ง หนาที่ของพ่อแม่ในการอบรมลูก ฯลฯ (เช่น ข้อ 2, 3,
29, 30)
หลักคำสอนในรูปแบบใหม่
่
อย่างไรก็ดี ภาษาที่ใช้จะรู้สึกวาใหม่ เพราะเป็นภาษาที่เข้าได้กับความคิดในสมัยปัจจุบันและ
เชื่อมโยงโดยตลอดถึงประสบการณ์ในชีวิตจริงของมนษย์ที่เวียนว่ายอยู่ในปัญหาต่างๆ ของสมัยน
ี้
ุ
(ข้อ 1, 4, 31) สังเกตได้ว่า พระสมณสารนี้มิใช่เป็นเอกสารที่เขียนขึ้นลอยๆ โดยไม่ได้บ่งถึงผู้ใดหรือ
ุ่
เวลาใด แต่เป็นเสียงอันอบอน เป็นความศรัทธาที่แรงกล้า เป็นความมานะพยายามที่ไม่เสื่อมคลาย
ิ
ของ “บิดา” และ “ผอภิบาล” คนหนง ผตระหนกในความรับผดชอบของตน ผเปี่ยมไปด้วย
ั
ึ่
ู้
ู้
ู้
ประสบการณ์จากชีวิตมนุษย์ที่มีความหลากหลายและยึดมั่นในหน้าที่ อนึ่ง ยังทรงเป็นผู้ที่มีความเห็น
ิ
ื้
สอดคล้องกับเนอหาที่ได้ทรงเคยกล่าวมาแล้ว เพราะในสมณสารฉบับนยังมีแนวคดพื้นฐานที่พระองค์
ี้
ทรงเคยกล่าวในพระสมณสารว่าด้วย “พระผู้ไถ่มนุษย์” และในบทแถลงของพระองค์ต่อองค์การ
ยูเนสโก (UNESCO) ที่กรุงปารีส เมื่อเดือนมิถุนายน 1980
อะไรคือความเป็นคน
เราได้สังเกตการใช้คำ “บุคคล” “คน” “ความเป็นคน” ว่าปรากฏอยู่บ่อยครั้งและมีอยู่ใน
แทบทุกย่อหนา ในที่นกรุณาอย่ามองเพียงแค่รูปแบบภายนอกที่เป็นการพูดถึงแต่ละคนซึ่งอยู่ในที่
ี้
้
ี้
เดียวกน (เช่น ในประโยคที่ว่า “มีคน 30 คน ในที่ประชุมน”) เมื่อพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล
ั
่
ที่ 2 ใช้คำนี้ทรงหมายถึง ภาวะภายในของความเป็นชายหรือหญิงในทุกๆ แง่ เช่น เมื่อทรงพูดวา
“ความรักฉันสามีภรรยาเป็นการอุทิศตัวที่บุคคล 2 บุคคลมอบให้แก่กันและกัน” นน (ข้อ 20) คง
ั้
จะเป็นการไม่เพียงพอถ้าจะคิดถึงแต่เพียงความสัมพันธ์ภายนอกของชายและหญิง หรือแค่
ผลประโยชนทางเศรษฐกิจหรือทางความคิดที่ทั้งสองให้แก่กัน หรือคิดถึงแค่ความสัมพันธ์ทางกาย
์
เพื่อการเจริญพันธุ์มีลูกมีหลานสืบไปหรือการร่วมมือกันเพื่อปฏิบัติหน้าที่ด้วยกัน ฯลฯ แต่ต้องคิดไป
ไกลกว่าลักษณะภายนอกจนเข้าไปถึงใจกลางที่มองไม่เห็นของความเป็นบุคคลซึ่งทุกคนตั้งใจจะ
หมายถึง เวลาใช้คำว่า “ฉัน” แม้จะไม่รู้ตัวอย่างชัดเจนก็ตาม
ความเป็นบุคคลอยู่ที่ความสัมพันธ์กับผู้อื่น
แนวโน้มที่อยู่ลึกในใจของมนษย์ก็คือ การแสดง “ความเป็นบุคคล” ให้เป็นศูนย์กลางที่เป็น
ุ
์
่
จุดรวมของทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น เมื่อเราพูดถงผลประโยชนส่วนตัว ความคิดสวนตัว สมบัติส่วนตัว
ึ
เราอยู่ไม่ไกลความหมายของ “ความเห็นแก่ตัว” หรือ “การมองเห็นแต่ตัวเอง” นก แต่เพื่อให้
ั
สามารถเข้าใจข้อความในพระสมณสาร และยิ่งกว่านั้นเพื่อเข้าใจตำแหน่งของตนในแวดวงมนุษย์และ
ึ่
ั่
ในจักรวาล จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องจัดคำว่า “บุคคล” ไว้ในอีกระดับหนง นนคือระดับของ
“ความสัมพันธ์” ของ “การสมาคมติดต่อ” “ฉัน” มีชีวิตอยู่ มิใช่เพียงในรูปกายแต่ใน
ความสัมพันธ์ที่ฉันมีกับสรรพสิ่งในจักรวาลและกับคนอนๆ ร่างกายของฉัน ซึ่งอาศัยอยู่ใน “เวลา
ื่
ื่
ู้
และสถานที่” มีส่วนร่วมในความสัมพันธ์นด้วยเพราะร่างกายเป็นตัวแทนของความเป็นคนที่ผอน
ี้
5