Page 12 - ครอบครัวคริสตชนในโลกปัจจุบัน
P. 12

ิ
                  จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องที่ขยายความกันเกินกว่าเหตุ  (และเราสันนษฐานว่า  พระ
                                                                      ิ
                  สันตะปาปาได้ทรงศึกษารายงานทางเศรษฐศาสตร์  และสถิตเป็นอย่างดีแล้ว)  นอกจากนี้ยังได้ทรง
                  ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า  คุณค่าของขีวิตอยู่ที่มนุษย์สามารถคงความเป็นบุคคลเอาไว้ได้  ไม่ใช่อยู่ที่สภาพ
                              ์
                  ของความทุกขหรือความสุขในความเป็นอยู่  ดูเหมือนว่าเป็นครั้งแรกในเอกสารของพระสันตะปาปาที่
                  พระองค์ทรงประณามเรื่องอื้อฉาวที่ประเทศร่ำรวยและองค์การระหว่างประเทศให้เงินช่วยเหลือแก่
                                                                  ั
                                                                                   ิ
                  ประเทศในโลกที่สามที่ออกกฎหมายอย่างมีผล  เพื่อสนบสนนการคุมกำเนดและการทำแท้ง  (ข้อ
                                                                      ุ
                  30)  เรื่องอื้อฉาวที่ถูกนำมาตีแผ่ในสิ่งพิมพ์ต่างๆ ด้วย
                         นอกจากนี้  เรายังได้สังเกตเห็นความก้าวหน้าทางความคิดของพระสันตะปาปาตามที่ได้ทรง
                                           ิ
                  แสดงในปาฐกถาแก่พระสงฆ์อตาเลียนที่คาสเตล คอนโดลโฟ เมื่อวันที่ 17 กันยายน  1983  พระองค์
                  ได้ทรงกล่าวไว้ว่า  พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างความเป็นบุคคลใหม่  ซึ่งบรรดาพ่อแม่ต่างก็เป็นผู้ร่วมมือกับ
                  พระผู้สร้าง แต่โดยการใช้วธีการคุมกำเนดแบบวิทยาศาสตร์ ชายและหญิงได้ปฏิเสธมิให้พระเจ้าเป็น
                                                     ิ
                                         ิ
                  พระเจ้า

                  2.4 ครอบครัวและสังคม

                                       ่
                         ผอานคงจะได้อานพระสมณสารทุกตอนที่กล่าวถึงบทบาทที่ดีของครอบครัวที่มีต่อสังคม
                            ่
                          ู้
                                                  ี้
                  และคงเข้าใจได้ไม่ยากนก  บทบาทนไม่เพียงแต่อยู่ในระดับท้องถิ่น  หรือระดับชาติเท่านน  แต่ใน
                                                                                               ั้
                                       ั
                  ระดับโลกด้วย  (ข้อ 43, 44, 47, 48)
                                                                                                ี้
                                                     ้
                         อย่างไรก็ตาม  ในโลกที่มีแนวโนมที่จะให้ความสำคัญแก่สังคมเป็นอย่างมากเช่นน  คนจะ
                  ได้รับความคิดที่ว่า รัฐอยู่เหนอมนษย์ และดังนนก็ยังอยู่เหนอครอบครัวด้วย  รัฐต้องครอบคลุมทุก
                                                          ั้
                                                                     ื
                                           ื
                                               ุ
                  อย่าง  เช่น  การศึกษา  การงาน  การประกันสังคม  การจัดที่อยู่อาศัย  ความยุติธรรม ฯลฯ
                  พลเมืองธรรมดาๆ มักมีแนวโน้มที่จะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอำนาจใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าระบบราชการที่เต็ม
                              ั
                  ไปด้วยกำลังอนมหาศาล และอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่หลวง บ่อยครั้ง คนเหล่านี้ยังนึกไปอีกว่ารัฐ
                  ผิดพลาดไม่ได้เลย  และทำอะไรก็เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนแต่เพียงอย่างเดียว  ฝ่ายรัฐเองก็มี
                  แนวโนมที่จะบังคับให้คนทำตามโครงการของรัฐด้วยอำนาจระบบราชการ  และด้วยการควบคุม
                        ้
                  สื่อมวลชนเพื่อสร้างประสิทธิผลและเพื่อให้เป็นไปตามอุดมการณ์  สิ่งที่ปรากฏอย่างเด่นชัดในประเทศ
                  เผด็จการ  จากประสบการณ์ส่วนตัวของพระสันตะปาปา  ภายใต้การยึดครองของทหารเยอรมันและ
                  รัสเซีย  และภายใต้การปกครองของระบบคอมมิวนิสต์นน  เป็นเครื่องยืนยันอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า
                                                                   ั้
                                                                                   ่
                  พระองค์ทรงทราบดีวา  ได้กล่าวถึงอะไรอยู่  ในประเทศทุนนิยมหรือที่เรียกวา “ประเทศโลกเสรี” นน
                                    ่
                                                                                                      ั้
                  แนวโนมนก็มิได้อ่อนลงเลย    แม้ว่าจะมิได้ปรากฏอยู่อย่างชัดเจนก็ตาม  เช่น  ระบบการจัดจำแนก
                        ้
                          ี้
                  งานที่ไม่ยุติธรรม  ระบบการจัดการศึกษาที่ไม่เหมาะสม  และการกำจัดเสรีภาพที่แท้จริงของพ่อแม่ใน
                  การกำหนดจำนวนบุตรที่ตนอยากจะมี  ฯลฯ  นี่แหละที่เรียกว่า “ประเทศโลกเสรี”
                         ควรจะคิดถงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน  เพื่อจะสามารถเข้าถึงความหมายอนลึกซึ้งของ
                                                                                             ั
                                   ึ
                  พระสันตะปาปา  ยอห์น  ปอล  ที่  2  ที่ว่า  “ครอบครัวเป็นสังคมที่ควรได้รับบุริมสิทธิ์”  หมายถึง
                  สิทธิ์ที่มาก่อนสิทธิ์ของรัฐ  รัฐเพียงแต่ช่วยให้ครอบครัวได้ปฏิบัติหนาที่ของตนให้บรรลุผลเท่านั้น  แต่
                                                                           ้
                  ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาขัดขวางครอบครัวในหน้าที่ที่ครอบครัวสามารถทำได้เอง (ข้อ 45)  โดยเฉพาะอย่าง

                  ยิ่งเมื่อเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาของบุตร  (ข้อ 36, 40)



                  12
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17