Page 30 - ครอบครัวคริสตชนในโลกปัจจุบัน
P. 30
ั้
22
และมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เพราะฉะนน ความรักจึงเป็นกระแสเรียกขั้นพื้นฐานและเป็น
องค์ประกอบของมนุษย์แต่ละคน
ในฐานะที่เป็นจิตลงมาเถิด กล่าวคือ เป็นวิญญาณซึ่งแสดงออกมาในร่างกาย และร่างกาย
ซึ่งได้รับชีวิตจากจิตที่ไม่รู้จักตาย มนุษย์จึงมีลักษณะที่จะต้องแสดงความรักที่รวมเอาทุกๆ ส่วนของ
ความเป็นมนุษย์ที่แบ่งแยกไม่ได้ ความรักเรียกร้องบทบาทของร่างกาย และร่างกายก็ได้รับส่วนร่วม
จากความรักทางจิตใจ
ุ
คำสอนคริสตศาสนาสอนว่า มนษย์จะตอบสนองพระกระแสเรียกเพื่อความรักนั้นอย่างครบ
บริบูรณ์ได้โดยหนทางที่เหมาะสมสองทาง คือ การสมรสและการถือพรหมจรรย์ ทั้งสองทางนี้ตาม
ุ
รูปแบบเฉพาะของตน ต่างก็เป็นการประกาศถึงความจริงสูงสุดของมนษย์ซึ่งก็คือ “มนุษย์ถูกสร้าง
ตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า”
เพราะฉะนนเพศ* ซึ่งเป็นทางที่ชายและหญิงอทิศตัวให้กันและกันในกิจกรรมที่เป็นเฉพาะ
ั้
ุ
ั้
่
ของคู่สมรสนน ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ฝายสรีระล้วนๆ แต่เป็นเรื่องที่เข้าถึงแก่นแท้ของความ
เป็นคนโดยตรง กิจกรรมทางเพศจะเป็นไปอย่างสอดคล้องกับรูปแบบเฉพาะของมนุษย์ได้ ก็ต่อเมื่อ
มันเป็นส่วนประกอบของความรักในลักษณะที่ทั้งชายและหญิงทุ่มเทตัวเองให้แก่กันและกันอย่าง
สิ้นเชิงจนกว่าชีวตจะหาไม่ การอุทิศตัวทางร่างกายอย่างครบถ้วนจะเป็นสิ่งที่ไร้สาระถ้ามันไม่ได้เป็น
ิ
ี้
ุ
ทั้งเครื่องหมายและผลแห่งการอทิศของความเป็นคนอย่างครบครัน ซึ่งในการอุทิศตัวนแก่นแท้ของ
ุ
ความเป็นคนจะแสดงออกมาอย่างครบบริบูรณ์แม้ในส่วนที่เป็นร่างกาย ที่จริงถ้ามนษย์จะยึดมั่นถือ
มั่นกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนใจภายหลังได้ก็หาใช่การอุทิศตัวอย่างสมบูรณ์ไม่
ความรักฉันสามีภรรยาเรียกร้องให้เสียสละอย่างสมบูรณ์ดังที่กล่าวมาแล้ว ในทางเดียวกัน
ิ
การเจริญพันธุ์แบบมีจิตสำนกรับผดชอบก็เรียกร้องสิ่งเดียวกันด้วย การเจริญพันธุ์ นอกจากจะมี
ึ
ิ
เป้าหมายที่จะให้กำเนดบุตรแล้ว ก็ยังมีลักษณะเฉพาะที่อยู่เหนอระบบทางสรีระและครอบคลุม
ื
ี้
คุณค่าทั้งหมดของความเป็นคนด้วย และเพื่อให้คุณค่าเหล่านได้เจริญเติบโตอย่างงดงาม จำเป็น
อย่างยิ่งที่สามีภรรยาต้องร่วมมือกันตลอดเวลาและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
แหล่งเดียวที่จะเอออำนวยการอทิศตัวดังกล่าวให้เป็นไปได้ตามความจริงของมันได้อย่าง
ื้
ุ
ั
ึ่
ั
สมบูรณ์ก็คือ สถาบันการสมรส หรือพูดอกนยหนงคือคำสัญญาของความรักระหว่างสามีภรรยา
หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือคำสัญญาของความรักระหว่างสามีภรรยา หรือการเลือกสรรซึ่งชายและหญิงที่
ิ
รู้ตัวและมีอสระ สมัครใจดำเนินชีวิตและความรักด้วยความสนิทสนมที่ลึกซึ้ง ผู้กำหนดความสัมพันธ์
ุ
ั
ประเภทนก็คือพระผเป็นเจ้าเอง และด้วยเหตุผลข้อนมนษย์จึงจะเข้าใจความหมายอนแท้จริงของ
ี้
23
ู้
ี้
ั้
ั
ความสัมพันธ์นั้น การตั้งสถาบันการสมรสมานน ไม่ใช่เกิดจากการแทรกแซงอนเกินควรของสังคม
หรือของผมีอำนาจหน้าที่และก็ไม่ใช่การกำหนดรูปแบบที่บังคับจากภายนอก แต่การตั้งสถาบันนเกิด
ี้
ู้
จากข้อเรียกร้องแห่งความรักฉันสามีภรรรยาซึ่งต้องการจะแสดงตัวอย่างเปิดเผยว่าเป็นแบบรักเดียว
ใจเดียวและเฉพาะคู่ เพื่อจะได้ดำเนนชีวิตให้สอดคล้องกับแผนการของพระผสร้างอย่างพิถีพิถัน
ู้
ิ
อย่างไรก็ดี ความสอดคล้องนี้ไม่ได้จำกัดอิสรภาพของคนให้น้อยลงเลย แต่กลับป้องกันไม่ให้อิสรภาพ
22
สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2, พระธรรมนูญว่าด้วยพระศาสนจักรในโลกปัจจุบัน ( Gaudium et Spet ) ข้อ 12
* เพศ (Sexuality) หรือ เพศมนุษย์ (Human Sexuality) ในบทแปลสมณสารนี้มิได้หมายถึงอวัยวะเพศหรือเพศสัมพันธ์ แต่
หมายถึงความเป็นชายเป็นหญิงที่กำหนดลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล - ผู้แปล
23
เพิ่งอ้าง ข้อ 48
30