Page 33 - ครอบครัวคริสตชนในโลกปัจจุบัน
P. 33
้
ึ
ในฐานะที่เป็นการประกาศถงอนาคต ศีลสมรสมอบพระหรรษทานและมอบหนาที่ที่จะดำเนินชีวิตได้
ด้วยความหวังอนแนวแนว่า จะได้ประสบกับพระเยซูคริสต์ในอนาคต และที่จะเป็นพยานยืนยันถึง
ั
่
่
32
ความหวังนั้น”
“เช่นเดียวกับศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 7 ประการ ศีลสมรสก็เป็นสัญลักษณ์ที่แท้จริงถึงเหตุการณ์
ี
้
แห่งความรด แต่ยังมีลักษณะเฉพาะอกดวย สามีภรรยามีส่วนร่วมเป็นพิเศษในความรอดในฐานะที่
คน 2 คน รวมกันเป็นคู่หนง จนกระทั่งต้องเข้าใจว่า ผลโดยตรงที่เกิดจากศีลสมรส (Res et
ึ่
Sacramentum) หาใช่พระหรรษทานเองไม่ แต่เป็นพันธะระหว่างสามีภรรยาตามแบบคริสตชน
และเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 คน ซึ่งเป็นความสัมพันธ์แบบเฉพาะคริสตชน เพราะเป็นเครื่อง
หมายถึงธรรมล้ำลึกแห่งการบังเกิดเป็นมนษย์และธรรมล้ำลึกแห่งพันธสัญญาของพระคริสตเจ้า
ุ
ชีวตร่วมกับพระคริสตเจ้าก็มีเนอหาสาระโดยเฉพาะเหมือนกัน ความรักฉันสามีภรรยาเรียกร้องให้
ิ
ื้
ทุกๆ ส่วนของบุคคลรวมตัวกันอย่างครบบริบูรณ์ อนได้แก่ การกระตุ้นของร่างกายและสัญชาติ
ั
ญาณ แรงแห่งความรู้สึกและอารมณ์ ความทะเยอทะยานของจิตใจและเจตจำนง ความรักฉันสามี
ั
ภรรยามุ่งถึงเอกภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างบุคคลซึ่งเป็นเอกภาพที่นอกจากจะเป็นเนื้อเดียวกน
้
แล้วยังนำไปสู่การหล่อหลอมให้เป็นนำหนึ่งใจเดียวกนด้วย ความรักยังเรียกร้องให้สามีภรรยาหย่า
ั
ร้างกันไม่ได้และให้ซื่อสัตย์ต่อการอุทิศตัวแก่กนจนถึงที่สุด และความรักเปิดโอกาสให้มีการเจริญพันธุ์
ั
(ดู สมณสารชีวิตมนษย์ ข้อ 9) สรุปแล้ว ทุกสิ่งที่กล่าวมานบ่งถึงคุณลักษณะพื้นฐานของความรัก
ุ
ี้
ระหว่างสามีภรรยาทั่วไปก็จริง แต่ยังแสดงว่าประกอบด้วยความหมายใหม่ ซึ่งไม่เพียงชำระลักษณะ
เหล่านั้นให้บริสุทธิ์ขึ้นหรือทำให้มันแกร่งกล้าขึ้นเท่านั้น แต่เชดชูให้สูงขึ้นจนกระทั่งสมกับที่ได้เป็นการ
ิ
แสดงออกถึงคุณค่าของพระคริสต์โดยเฉพาะ”
33
บุตรเป็นของขวัญอันล้ำค่าของการสมรส
14. ตามแผนการของพระเจ้า การสมรสเป็นรากฐานของชุมชนที่ขยายใหญ่ขึ้น คือ ครอบครัว
เพราะว่าสถาบันการสมรสและความรักฉันสามีภรรยาได้รับการสถาปนาขึ้นมาเพื่อการให้กำเนิดบุตร
34
และอบรมเลี้ยงดูเขาเสมือนว่าเป็นเป้าหมายสุดยอดของสถาบัน
แก่นสารที่แท้ที่สุดของความรักก็คือการอทิศตัว ความรักฉันสามีภรรยาที่นำคู่สมรสไปสู่การ
ุ
35
ื้
ั้
“รู้จักกัน” ซึ่งทำให้เขากลายเป็น “เนอเดียวกัน” นน ยังไม่สำเร็จลุล่วงไปเฉพาะภายในคู่สมรส
เพราะความรักนนทำให้เขาเป็นผที่สามารถอทิศตัวถึงขั้นสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งก็คือ การที่เขา
ุ
ั้
ู้
ทั้งสองได้กลายเป็นผู้ร่วมมือกับพระเจ้าในการมอบชีวิตให้แก่มนุษย์อีกคนหนึ่ง ดังนั้น ในขณะที่สามี
ั้
ภรรยาอทิศตัวให้แก่กันและกันนน มิใช่เพียงแต่มอบตัวให้แก่กันและกันเท่านนแต่ยังให้กำเนดบุตร
ั้
ุ
ิ
ด้วย บุตรนั้น เป็นภาพสะท้อนอันทรงชีวิตแห่งความรักของเขา เป็นเครื่องหมายอันยืนยงของเอกภาพ
ระหว่างสามีภรรยา เป็นรูปสังเคราะห์ที่มีชีวิตซึ่งแยกออกจากความเป็นพ่อเป็นแม่มิได้
เมื่อเขาทั้งสองได้กลายเป็นพ่อแม่ สามีภรรยาก็จะได้รับพระคุณแห่งความสำนกรับผิดชอบ
ึ
จากพระเจ้า นั่นคือ ความรักฉันพ่อแม่ ซึ่งควรอย่างยิ่งที่จะเป็นเครื่องหมายที่ลูกๆ มองเห็นได้ ซึ่ง
32
John Paul II, Address to the Delegates of the Centre de Liaison des Equipes de Recherche (3 November
1979), 3: Insegnamentei di Giovanni Palol II, II, 2 (1979), 1038
33
เพิ่งอ้าง ข้อ 4, เล่มเดียวกน หน้า 1032
ั
34
สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2, พระธรรมนูญว่าด้วยพระศาสนจักรในโลกปัจจุบัน (Gaudium et Spes) ข้อ 50
35
ปฐก 2:24
33